แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Sony Earphones แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Sony Earphones แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

เจ้าม้าขาว.. EX500SL


มาถึงเจ้าม้าขาว.. น้องกลางแห่งค่ายโซนี่ซีรีย์ปัจจุบัน ตัวนี้ก็ได้มาจากคุณ deeppix หลังจากได้เจ้าตองแปดมาไม่นาน รูปสวยทันสมัย เสียงก็เคยฟังที่ช้อปโซนี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่หาข้อมูลมาแทนเจ้า PX200 จำได้ว่าเด่นที่กลางแหลม

..สายวันหนึ่ง เปิดกล่องไปรษณีย์ เห็นเจ้าม้าขาวรูปสวยทันสมัย พร้อมกันนั้นก็เหลือบไปเห็นกล่องหนังติดกระดุมอีกกล่อง แกะออกดู ว้าววว... เจ้านี้คงเป็นหูฟังจันสองฯ ตามที่ผมบ่นอยากฟังเป็นแน่ ..เซอร์ไพร้ซ์..ซซซซ :D ไปดูที่ข้อความอีเมล์ก็เป็นไปตามนั้น ท่านใจดีส่งแนบให้ผมได้ลองฟังมาด้วย บอกไม่ต้องรีบคืน จริงแล้วผมบ่นอยากฟังเจ้า PK2 ด้วย ท่านก็บอกจะส่งให้ฟัง ผมก็เกรงใจบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวส่งไปมาช้ำเสียเปล่า แต่ท่านก็ยังคงส่งตัวนี้แทนมา.. ขอบคุณมากๆครับ ที่อนุเคราะห์หูฟังคนไทยหายากมาให้ได้ฟังชื่นชม ..สำหรับเจ้าจันสอง มาอยู่กับผมหนึ่งเดือนพอดิบพอดีจึงส่งคืนเจ้าของ เดี๋ยวไว้จะมาเขียนเล่าไว้ครับ


ได้ค้นหาข้อมูลเจ้าม้าขาว EX500SL เห็นภาพแยกธาตุส่วนประกอบแล้วรู้สึกชอบแนวทางการออกแบบ ไดรเวอร์เป็นแบบไดนามิกส์ วางหันหน้าดอกลำโพงออกไปด้านนอกรูหู วางองศายิงเสียงให้สะท้อนแผงกั้นบังคับทิศทางเสียงไปสู่ช่องรูท่อนำเสียงสำหรับใส่จุกยาง ที่อุดด้วยฟองน้ำเนื้อโปร่ง ปลดเปล่อยพลังงานเสียงสู่รูหู เข้ารหัสแปลงเป็นสำเนียงเสียงต่างๆต่อไป ที่ผนังสะท้อนเสียงตรงข้ามดอกลำโพง มีลักษณะเป็นช่องโปร่ง ปิดด้วยแผ่นจูนเสียงเพื่อให้เสียงสะท้อนได้ระบายออกสู่ด้านนอกบ้าง สำหรับซ๊รีย์ใหม่นี้ ออกแบบการวางไดรเวอร์ต่างจากซีรีย์ก่อนหน้าที่หันหน้าดอกลำโพงเข้าด้านในรูหู ตัวเคสหูฟังถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระของรูหู มีส่วนที่แตะสัมผัสผิวน้อย สวมใส่รูสึกสบายอึดอัดน้อยเก็บเสียงได้ดี

สำหรับเสียงร้องฮี้ๆๆ.. ของอัศวินม้าขาว.. ผมเห็นว่า มันเป็นหูฟังที่มี่สีสันฟังสนุกทุกย่านเสียง หากจะเทียบความเรียบแฟร็ตของสมดุลย่านเสียง ทุ้ม, กลาง, แหลม ด้วยตัวเลขสเกลฯ 5 -5 -5 คือความแฟร็ตตามโทนเสียงของธรรมชาติ หรือที่อัดบันทึกมา ..เจ้าม้าขาวจะมีโทนอยู่ในสเกลฯ 8 - 4.5 - 9 ได้ ผมว่านะ มีสีสันที่ฟังสนุกไพเราะผ่อนคลาย แบบที่ปรุงมาให้ถึงรส โดยเฉพาะเสียงแหลมช่วงปลายเสียงที่สะอาดสดใสเป็นประกายพลิ้วฉ่ำ เสียงทุ้มที่ครบเครื่องนุ่มลึกมีน้ำหนักประมาณกำลังดีฟังสนุก เสียงกลางมีขนาดมวลเนื้อเสียงอิมเมจตัวเสียงกำลังดีเหมาะสมกับขนาดของวงและเวทีเสียง ด้านคุณภาพเสียง ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงคุณภาพของไดรเวอร์ที่ดี เนื้อเสียงดีสะอาดมีบรรยากาศรายรอบตัวเสียง รายละเอียดครบถ้วน อิมเมจตำแหน่งเสียงชิ้นดนตรีนิ่งสงัด ตัวเสียงขึ้นรูปเป็นตัวตน มีขนาดเหมาะสมกับรูปวง ได้ยินทุกรายละเอียดของเครื่องชิ้นดนตรีในวง มีตำแหน่งแห่งที่ชัดเจน ให้จินตนาการเป็นรูปวงเวทีโปร่งกว้างลึกกำลังดี มีบรรยากาศอารมณ์ดนตรีครบถ้วน..

แต่ที่ผมไม่ปลื้มก็คือจุดเดียวกันกับรุ่นพี่ต่างซ๊รีย์ของมัน ก็คือเจ้าตองแปด ทีให้เสียงแหลมช่วงต้นที่ต่อกับเสียงย่านกลางสูง พวกเสียงฉาบแฉ ที่ไม่เพราะสมจริง ไม่ค่อยกังวาน เนื้อเสียงแห้งแข็งเหมือนตีสังกะสีมากกว่า เปิดเสียงดังทำเอาเสียงในช่วงนี้จัดบาดหูเอาได้ น่าเสียดาย ...เคยฟังเปรียบเทียบกับอีกตัวที่อายุการใช้งานมากกว่าน่าจะเกิน 300 ชั่วโมงไปแล้ว โทนเสียงในช่วงนี้จะนิ่มลงอีกหน่อย ฟังสบายขึ้น ..ผมว่าสองรุ่นนี้ให้เสียงที่คล้ายกัน ต่างกันที่ความเร็วกระชับ ทำให้เจ้าม้าขาวให้เสียงที่มีสปีดความเร็วกระชับคมชัดสดใสให้จังหวะจะโคนสนุกกว่า จะเล่ายังไงดี อืมม.. เช่นหากเราสามารถลดสปีดความเร็วกระชับของเจ้าห้าร้อยได้ มันก็จะกลายเป็น 888 หรือหากเร่งเจ้าต้องแปดได้ก็จะแปลงร่างเป็น EX500 ทำนองนี้ครับ..



แนวเสียงแบบนี้ ไม่เหมาะกับแนวเพลงร็อคฯ คงเป็นเพราะความเด่นที่เสียงแหลมของมัน และลักษณะเสียงที่พลิ้วฉ่ำเป็นประกายยิ่งไม่เหมาะกัน ร็อคมันต้องสดสมจริงตรงไปตรงมาถึงจะมันส์ หรือหากใช้ฟังกับเพลงแนวนี้บ้างเป็นบางเวลา ก็ให้ปรับอีคิวลดโทนแหลมลง ให้โทนรวมมืดดาร์คฯลงก็ฟังได้ดี จริงแล้วอีคิวฯก็ช่วยปรับลดช่วงแหลมต้นที่แห้งแข็งของมันได้เช่นกัน


สรุปว่าประทับใจ ยังคงระลึกถึงอยู่ประจำ แม้นตอนนี้จะตัดใจปล่อยให้ท่านอื่นไปดูแลต่อแล้ว ด้วยที่เหลือบมองหูที่มีอยู่ และคิดว่าไม่ค่อยได้ฟัง จับพวกเอียร์บัดฯ กับโบสฯมากกว่า

เพิ่มเติม..>> (13 ก.ย. 53)

เมื่อวานได้ไปรับเจ้าม้าขาวน้องเล็กมาไว้ในคอกอีกตัว ด้วยความที่คิดถึงพี่กลางและอยากฟังเสียงของน้องเล็ก.. ตอนนี้ยังไม่ได้ซ้อมวิ่งฯ เสียงมาตามอย่างพี่น้องกันเลย ระดับคะแนนสมดุลโทนต่ำและสูงลดลงอย่างละหนึ่งระดับฯ ไปทางฟังสนุกตามอย่างกัน แหลมก็จัดคล้ายกันแต่ดีหน่อยที่ปริมาณน้อยกว่าตัวพี่จึงฟังดูสบายขึ้น ด้านมิติเวทีการขึ้นรูปอิมเมจตัวเสียง ขณะนี้ ตัวพี่ทำได้ดีกว่า อาจจะเพราะตัวพี่มีช่องระบายเสียง อิมเมจมิติรูปวงจึงโปร่งสะอาดเป็นชิ้นเป็นอันกว่า โทนต่ำของตัวน้องมีปริมาณมากแต่สะอาดน้อยกว่า ..เดี๋ยวไว้ซ้อมวิ่งให้ได้ระยะแล้วค่อยมาว่ากันอีกที ตอนนี้หากจะเปรียบกับลำโพงบ้าน ดูเหมือนกับลำโพงสองทางขนาดกรวยลำโพง 6" กับ 8" กรวยแหลมแบบ อะลูมิเนียมฯ กับ ไททาเนี่ยมฯ นั่นเทียว..




วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

Sony MDR-E484


ค่ำวันหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน.. เมื่อถอดแจ็คออกจากเครื่องเล่นเทปซาวอะเบ๊าท์นั้น นึกอยากทำความสะอาดปัดฝุ่นผงที่ตะแกรงหน้าด้านใน จึงลองแกะหมุนที่ขอบยางดำไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็ยั้งไว้ไม่อยากแกะต่อเกรงจะพัง พอลองนำมาใส่ฟังอีกครั้ง..กำ หูดับไปเสียแล้ววว อะไรหว่าแค่หมุนนิดเดียวเอง.. นึกเขกกระบานตัวเองแรงๆ.... ทำได้แต่ตัดพ้ออยู่ทุกวี่วัน ทำเอาเศร้าอาลัยครับ

นำไปร้านซ่อม ตามทวงอยู่หนึ่งปีเต็ม บอกหาไม่เจอ ให้ค่าเสียหายมาหนึ่งพัน พูดไม่ออกจำต้องรับไว้ นำไปซื้อ E848 เขาไม่ให้ลองก่อนซื้อจึงเลือกที่เลขรุ่นมันคล้ายกัน ..พอมีโอกาสเหตุการณ์ที่ทำให้หวนนึกถึง 484 ก็จะตัดพ้ออยู่เรื่อยจนมาถึงปัจจุบัน และด้วยราคา ณ ปัจจุบัน ที่แรง ทำให้ผมคิดว่าคงไม่มีโอกาสจะได้ครอบครองมันอีกแล้ว


แล้วโชคชะตาก็เวียนมาใกล้กันอีกครั้ง เมื่อเพื่อนเกลอมันบอกว่ายังมีอยู่ที่บ้าน แต่สายลอกและไม่มีเสียงไปข้างหนึ่ง ...ผมก็แปลกใจ จำได้ว่ามันซื้อหลังผมแค่สัปดาห์เอง เห็นบอกว่าจะนำไปเป็นของขวัญให้พี่มัน แล้วตอนปัจจุบันนี้พี่มันก็ไปอยู่เมืองนอก ผมก็ไม่คิดว่าหูฟังจะอยู่กับมัน และก็แปลกใจไปอีก ที่มันบอกมาอีกว่า ตอนนั้นซื้อมาสองตัว ตอนนี้ก็อยู่ที่นี่แหล่ะแต่ยังหาไม่เจอ ..โอ้ว เซอร์ไพรส์

ผมบอกมันมาหลายเดือนละให้นำมาให้ จะได้ส่งซ่อมพร้อมกัน กับตัว 848 ของผมที่สงสัยว่าถูกมดแทะไดอะเฟรมฯ เนื่องจากเห็นมดออกมาจากเคสหูฟัง และเสียงก็แตกกระพรือไปข้างหนึ่ง หลังจากที่ซื้อมาใช้ได้แค่ประมาณสามเดือนเอง..กำ พอเจอกันมันบอกลืมตลอด จนเดือนที่ผ่านมาผมจึงบอกจี้ัให้นำมาให้ด่วน จะส่งไปซ่อมแล้ว แต่สุดท้ายผมก็บุกไปเอามาเองที่บ้านมัน 55... - -"

ได้มาก็จับมาถ่ายรูปสภาพตามที่เห็นนี้ ..ตัวหนังสือไม่ถลอกคมชัดเหมือนใหม่ แสดงว่าไม่ค่อยได้ใช้ หุหุ.. สภาพอื่นๆเหมือนไม่ได้รับการดูแลถูกทิ้งขว้าง ..จึงนำไปให้พี่นักเล่นที่รู้จักตรวจสอบ โชคดีที่ตัวไดรเวอร์อีกข้างที่ดับนั้น พอเปลี่ยนสายก็มีเสียงเป็นปกติ ..ผม :D ยิ้มแก้วบวมไปเลย 55.. ..สายที่เปลี่ยนก็ใช้ของ 848 ที่แกะตรวจดูแล้วพบเศษซากมดสามสีตัวที่ไดอะเฟรมพร้อมรูแหว่งโบ๋ทั้งสองข้าง จึงเก็บไว้เป็นอนุสรณ์..








รอยแผลเป็นบาคยาวที่ก้านนั้น เกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัดเปลี่ยนสาย โดยพยายามกดดึงเพื่อถอดเงี่ยงสลักตรงท้ายก้านหูฟังออก เพื่อถอดยางดำหุ้มสายออกจากเคสฯ ด้วยเคสของ 484 ทำจากเซรามิกฯ จึงมีความเปราะทำให้แตกหักได้ง่าย จึงโปรดระวังกันด้วย.. และเมื่อนำใส่หูและกดเล่นเพลง โอ้ววววววววว.. :D เป็นเสียงเดิมๆที่อยากได้ยินได้ฟังอีกครั้งมาแสนนาน กว่าสิบปี...

.....ด้วยความสงสัย เรื่อง 472 จึงเปิดหน้ากากดู แล้วก็เห็นความต่างตามรูป มิน่ามิติเวทีบรรยากาศเสียงมันจึงคล้อยหลังต่างจากน้องของมัน..




Sony MDR-E888 (3)












Sony MDR-E888 (2)










Sony MDR-E888 (1)


จากโบสฯ ก็มามีโอกาสได้เจ้าตองแปดที่อยากฟัง ที่จริงแล้วก็เห็นมาตั้งแต่ได้เจ้า 848 ละ แต่พึ่งมาได้อ่านรีวิวฯเอาก็ไม่กี่เดือนมานี้เอง พอมีโอกาสก็เลยจัดมาลองฟัง ..สายของวันนั้น แกะกล่องไปรษณีย์ใส่ฟัง โอ้ววว.. งานนี้ต้องพึ่งนวมฟองน้ำจริงๆ ซึ่งไม่ได้แนบมาในกล่องด้วย ..ตกดึกถึงบ้านได้ฟองน้ำ เหมือนไก่ได้น้ำรึเปล่า 55 .. โอ้...เสียงดีอย่างที่อ่านรีวิวฯเลย
เมื่อหยิบจับที่ก้านหูฟังขึ้นมาหมุนดูโดยรอบ ผมรู้สึกชอบใจในรูปร่างของมัน มันชวนให้ผมจินตนาการนึกไปถึงสิ่งเร้นลับที่ไม่ได้มีอยู่ในโลกของเรา ด้วยรูปร่างรูปทรงที่ดูแปลกสำหรับผม มีทั้งส่วนพอง ส่วนโค้ง ส่วนเว้า ส่วนแบน ส่วนเยื้อง ส่วนแข็ง รูพรุน ส่วนที่ไม่ได้ส่วน เหมือนรูปปั้นอาร์ตที่ดูไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ฉงนดีแท้ หุ.หุ..

ถึงตอนนี้ก็รู้ไส้พุงกันหมดละ ก็ยังคงประทับใจในบรรยากาศรายล้อมอิมเมจตัวเสียง ฟังได้บรรยากาศอารมณ์เพลง อิมเมจตัวเสียงมีขนาดพอดีสมดุลกับมิติเวทีที่กว้างลึก ฟังสบายเหมือนนั่งชมวงดนตรีในระยะที่กำลังดีได้ภาพพจน์เวทีเป็นรูปวง โทนเสียงให้สีสันไปทางนุ่มลึกอบอุ่นกลางอิ่มปลายแหลมสดใสพลิ้วฉ่ำ แหลมต้นไม่ค่อยมีความกังวานแข็งจัดเอาได้ เสียงฉาบแฉไม่เพราะ เป็นเอกลักษณ์หูโซนี่ยุคนี้ ผมว่าเจ้า EX500 ก็คล้ายตัวนี้ ดีเอ็นเอฯเดียวกัน แต่น้องกลางใหม่จะให้เสียงที่เร็วกระชับกว่า ทำให้ฟังดูสดคมชัดกว่า...

ทริป!..ลองถอดนวมฟองน้ำ และใส่สลับข้างซ้ายขวา จะได้มิติเวทีบรรยากาศอีกแบบ :)











ไขปริศนาเจ้า 472


เรื่องราว 472 กับผม เริ่มจากเมื่อปลายปีเดือนธันวาฯที่ผ่านมานี้เอง ได้มีโอกาสฟังแล้วหวนคิดถึง 484 ที่เคยมีและจากไปกว่าสิบปี.. ขอเล่าความประทับใจเมื่อแรกใส่ลองหูฟัง ความรู้สึกแรกคือเสียงดังต้องลดโวลุ่มลงอย่างไว โทนเสียงที่จืดชืดไม่มีรสชาติเรียบเฟรตของมัน ฟังไปก็จะรู้สึกเพิ่มเข้ามาถึงเนื้อเสียงอิมเมจตัวเสียงที่ใหญ่อิ่มแน่นเนียนสะอาดต่อเนื่องลื่นไหลเป็นกลางของทุกย่านเสียง ออกละมุนละไมได้ อิมแพ็กไดนามิกสมจริง โทนเสียงมันพอดี ฟังเป็นธรรมชาติอธิบายได้ยาก ฟังแล้วไม่อยากถอด อยากฟังไปเรื่อยๆ ณ เวลานั้น ..พอกลับมาฟังหูฟังตัวอื่นๆกลายเป็นรู้สึกว่า เสียงมันเกินจริงไปซะทุกตัว 55.. นึกไปเทียบถึงลำโพงมอนิเตอร์ที่แนวเสียงสะอาดเป็นกลางเที่ยงตรงถ่ายทอดทุกรายละเอียด สำหรับอิมเมจตัวเสียงมิติเวที ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในวงใกล้ชิดกับนักร้องนักดนตรี เหมือนอย่างหู HiFiMan RE2 ผมว่าสองตัวนี้ใส่สลับกันฟัง ไปกันแบบกลืนๆเลย คนละแบบกับที่รู้สึกว่าเป็นผู้ชม ที่นั่งฟังอยู่ห่างเวทีออกมาอย่างเจ้า 888 ...จึงเกิดความอยากที่จะได้ครอบครอง และราคาไม่ได้แรงมากอย่าง 484 ในปัจจุบัน และเห็นข่าวว่าไดร์เวอร์เดียวกัน ..มองหาอยู่ทุกวันตั้งแต่นั้น หลุดพลาดไปก็หลายตัว ด้วยสภาพ, ราคา และความเร็ว ...แล้วผมก็มารีบคว้าจากกระทู้หนึ่งที่พันทิปฯ ด้วยเห็นว่าสภาพดีเดิมๆ และราคาก็ดี(แรง)ที่สุดละ ไงก็ขอสภาพดีไว้ก่อนจะได้เก็บไว้ฟังใช้กันยาวๆ..

http://www.pantip.com/tech/gadget/topic/TM2879955/TM2879955.html

...ช่วงสายของวันนั้น... ครั้งแรกที่ใส่ฟัง.. ผมผิดหวังอย่างแรง เสียงของมันฟุ้งบางเบลอหาอิมเมจโฟกัสไม่เจอ ผิดกับสภาพภายนอกที่ดูดีเหมือนใหม่ ...ใส่ฟังลองทั้งวันกลายเป็นคนบุคคลิกเสีย ต้องคอยจับขยับหูฟังเพื่อหากอิมเมจโฟกัสตลอดเวลา..55 ..ตกเย็นทนไม่ไหว โทรหาพี่ที่พึ่งรู้จักกัน(คนที่ให้ลอง 472 ตอนธันวาฯ) ให้ช่วยดู กว่าจะว่างเจอกันก็สี่ทุ่มกว่า แกใส่ฟังครั้งแรก บอกมันกลับเฟตฯ ?.. ผมก็นึกขึ้นทันทีเลยว่า..........เฮ้ยยยใช่......... ไหงเราลืมประเด็นนี้ได้ ตกม้าตายเลย คงอาจเพราะเห็นว่าสภาพมันเดิมๆ ไม่น่าผิดพลาดมาจากโรงงาน นี่ผมยังคิดว่าถึงแม้นสภาพภายนอกดูดี แต่ตัวแม่เหล็กลำโพงอาจเสื่อมสภาพไปแล้วก็เป็นได้ เสียงมันจึงฟังดูไม่มีไดนามิกซ์ ลองจับเอาหน้าลำโพงชนกัน มีแรงผลักของแม่เหล็กน้อยบางมาก ไม่เหมือนอาเหมยฯ EP10 ที่พึ่งได้มา ..นึกไม่ถึงเลย ...ตัดสินใจให้แกแกะแก้ไข ตรวจดูก็เห็นว่าการต่อขั้วก็ถูกต้องเป็นปกติทั้งสองข้าง นึกแปลกใจ ไงก็ลองต่อสลับ +, - กลับไปมาทั้งสองข้าง เลือกเอาที่โอที่สุด ....ฟังดูใหม่ อิ่มเมจโฟกัสเสียงมีเนื้อดีขึ้น แต่รู้สึกยังไม่เต็มร้อย ฟังเหมือนกับเฟตเสียงสองข้างยังไม่แนบสนิท มีอาการเบลอลอยอยู่ เราก็สรุปว่าไม่รู้ว่ามันถูกต่อฟังแบบกลับเฟตนี้มานานแค่ไหนแล้ว ก็ให้ฟังเบิร์นไปเรื่อยๆคงจะดีขึ้นเป็นลำดับ (หวังว่า..)

ผมก็พยายามเปิดฟังบ่อยๆ ถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าดีขึ้นอีกเล็กน้อย ระหว่างนี้ก็มีความคิดว่าจะหาหูที่ขาดคู่มาลองเปลี่ยนดู จึงสอบถามปรึกษาที่บอร์ดพันทิปฯ แล้วก็ได้มา เข้าคู่กันได้เป็นอย่างดี เสียงดีกว่าเดิมมาก จึงได้มีโอกาสฟังเสียงอันเรียบเนื้อแน่นเข้มสะอาด ณ เวลานี้.. นึกแล้วก็เซ็งที่ต้องแก้ไข มองอีกมุมมันก็ทำให้ผมลุยมาได้ถึงขณะนี้.....

เมื่ออยู่กินทำความรู้จักกันมาได้สักระยะหนึ่ง ผมก็พอจับทางมันได้ ตัวของผมที่จับคู่ใหม่นี้ ฟังทุกๆวันก็เริ่มรู้สึกว่า เสียงกลางเสียงคนร้องเสียงเครื่องดนตรี เนื้อเสียงมันอิ่มแน่นเข้มข้นพุ่งจริงจัง พื้นเสียง รายละเอียดรายรอบตัวเสียงเวทียังขาดความโปร่งใส ทำให้รายละเอียดบรรยากาศของตัวเสียง เวที อารมณ์ของเครื่องดนตรียังขาดไปหน่อย จึงทำให้รู้สึกว่ามิติเวทีเสียงไม่ค่อยมีความลึก หากเปิดดัง เสียงกลางทำเอาพุ่งจัดได้ ฟังกับเพลงแนวร็อคได้ดี ได้เสียงเครื่องดนตรีที่แน่นเข้มข้มจริงจังสดสมจริง บรรยากาศมิติเวทีเหมือนเราอยู่กลางวง ร่วมแสดงบนเวที หรืออยู่ร่วมในห้องซ้อม อย่างใกล้ชิด ..ลักษณะของเสียงโทนทุ้มก็ไปทางสะอาด รายละเอียดดี โทนเสียงกลางเนื้อเสียงก็อย่างที่เล่าไปเรียบสะอาดอิ่มแน่นเนื้อเนียนเข้มข้นพุ่งจริงจัง โทนแหลมเรียบสะอาดเนื้อละเอียดใสเนียนไปได้ไกลสุด คุณค่ารวมผมว่าเป็นหูฟังอ้างอิงมอนิเตอร์ระดับตำนาน

เพลงเดียวกันเมื่อฟังเทียบกับ 484 ตัวที่ผมมี สมดุลโทนลักษณะเอกลักษณ์ของเสียงแทบจะคล้ายกัน จะต่างกันด้านความโปร่งใสของตัวเสียงและบรรยากาศเวทีเสียง ทำให้รู้สึกว่าเนื้อเสียงได้ลดความแน่นเข้มข้นชัดลงอยู่ในระดับที่พอดี เป็นผลให้ได้อิมเมจโฟกัสตำแหน่งชิ้นดนตรีในวงก่อตัวเห็นชัดเจนขึ้น และได้ยินเสียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เสียงบรรยากาศรายรอบตัวเสียงหลักอย่างสมจริงเป็นธรรมชาติ สำหรับให้รูปวงเวทีของเสียงจะไปกันคนละทาง ..472 จะให้รูปวงเวทีแบบปกติทั่วไปที่อยู่ในแนวระนาบของหู ส่วน 484 จะให้รูปวงเวทีที่คล้อยหลัง คือรู้สึกถึงตำแหน่งเครื่องชิ้นดนตรีตรึงอยู่บริเวณหลังหัวหลังใบหูออกไป เหมือนฟังเปิดเฉพาะลำโพงเซอร์ราวน์่ของระบบโฮมเธียร์เตอร์ ไม่ได้อยู่ในแนวระนาบใบหูเหมือนอย่างหูฟังทั่วๆไป เสียงร้องก่อตัวขึ้นรูปรู้สึกได้ชัดว่ามีตำแหน่งอยู่หลังหัว ให้บรรยากาศเวทีพื้นเสียงที่โปร่งใสได้มิติลึกขึ้น ทำให้รู้สึกว่าอยู่ใกล้กับตัวเสียง ได้ยินรายละเอียดรายรอบตัวเสียงและบรรยากาศเวทีครบถ้วน เช่น เสียงสูดลมหายใจของนักร้อง เสียงลูกคอ เสียงลมลอดไรฟัน เสียงฆ้อนของเปียโนที่เคาะสายที่ขึงอยู่ดัง..กึ๊กๆๆ..ก่อนที่จะมีเสียงกำทอนกังวานของสายออกมาต่อเนื่องจากเสียงฆ้อนที่เคาะนั้น เสียงก้องบรรยากาศของห้องอัดเสียง เสียงฮาโมนิกส์กำทอนกังวานของสายกีต้า เสียงลอดลมและเสียงกระทบกันของตัวรูปิดช่องกดโน๊ตของแซ็กโซโฟน ฯลฯ... มาแบบครบถ้วนให้ได้ยินอย่างเป็นธรรมชาติของเสียงที่ถูกบันทึกถ่ายทอดออกมา ด้วยความโปร่งใสและคล้อยหลัง ทำให้เนื้อเสียงความเข้มข้นแน่นลดลงไม่พุ่งจริงจัง ฟังผ่อนคลายขึ้น เสียงแหลมปลายจึงฟังดูโปร่งใสละเอียดขึ้นอีก นั้นเป็นความเห็น ความแตกต่างของสองรุ่นนี้ เฉพาะหูฟังที่ผมมีอยู่นี้เท่านั้น..

ด้วยความสงสัยจากข่าวที่ว่าสองรุ่นนี้ใช้ไดรเวอร์ตัวเดียวกัน ไหงผมฟังได้ต่างกันเช่นนั้น ผมก็ยืนกระต่ายขาเดียวเสียเลยว่าคนละตัว ฮ่าๆๆ.. ด้วยเครดิตของแหล่งข่าว ผมก็มีแอบเชื่ออยู่ว่าตัวเดียวกัน เนื่องจากหากฟังแค่โทน เสียงมันก็คล้ายกันมาก เมื่อมีโอกาสจึงร้องขอท่านคนบนดาวเคราะห์ฯ ให้แกะตัวที่เสียให้ชม ท่านจึงจัดมาที่ http://www.pantip.com/tech/gadget/topic/TM2893966/TM2893966.html จากรูปเมื่อสังเกตเห็นแผ่นจูนเสียงสีดำ ที่มีช่องเปิดให้เสียงออกมากอยู่ด้านหนึ่ง ..อ้าว..แล้วไดรเวอร์ตัวที่เรารับมานั้นมันข้างไหนหล่ะ หากเป็นข้างเดียวกัน เวลาใส่ช่องเปิดเสียงมันก็จะอยู่คนละด้านกันสิ ด้วยความสงสัยที่เริ่มเปี่ยมล้น จึงตัดสินใจแกะดู......

ตามรูป.. ตัวที่ผมรับมาคือไดรเวอร์ข้างซ้าย สังเกตที่ช่องว้อยซ์คอยล์ ซึ่งเมื่อนำใส่ลงเคสหูฟัง ปกติจะวางช่องนี้อยู่ด้านล่างแนวเดียวกับก้านหูฟัง และเมื่อใส่ฟังที่หูซ้ายช่องเปิดเสียงของแผ่นจูนดำนั้น ก็จะหันไปข้างหน้าตำแหน่งใกล้รูหูพอดี เสียงที่ได้จึงฟังดูพุ่งเนื่อเสียงเข้มข้นแน่นชัด คล้ายกับเราโทอินฯในลำโพงบ้าน มิติเวทีเสียงเป็นแบบปกติอยู่ในแนวระนาบของหูทั้งสองข้่าง



ผมฟังอยู่ระยะหนึ่ง สลับกับ 484.... รู้สึกหงุดหงิดกับเสียงกลางเสียงร้องที่พุ่งขุ่นทุกครั้งที่ฟัง พื้นเสียงขาดความโปร่งใส ขุ่น ทำให้ไม่ค่อยได้ยินรายละเอียดรายรอบตัวเสียง เสียงบรรยากาศในเวทีและเครื่องดนตรีอย่างครบถ้วน ต่างจากเจ้า 484 ที่ให้มาครบถ้วน ให้บรรยากาศ อารมณ์เพลงดนตรี ที่ครบถ้วนสมบูรณ์กว่า ..จนวันหนึ่งบอกกับตัวเองว่า พอแล้วไม่ใช่แนว ม้วนกะเก็บเข้ากรุ และสรุปยืนกระต่ายขาเดียวว่า ไดร์เวอร์คนละตัว..ชัวร์

ไหนๆก็ไหนๆ ให้หายสงสัย จึงนำ 484 มาเปิดดู ...แล้วก็เห็นที่ผิดสังเกตตามอย่างในรูป..



มิน่า...ทำไมเวทีถึงคล้อยหลัง จึงลองนำ 472 มาใส่สลับข้างเพื่อให้ช่องเสียงเปิดให้ไปอยู่ด้านหลังอย่าง 484 ..ก็ได้เสียงที่โปร่งขึ้น มิติเวทีก็ไปอย่างเดียวกันเลย น่าทึ่งจริงกับผู้ออกแบบปรับจูนฯ ..แต่อย่างไรก็ตามตัวที่ผมมี เจ้า 484 ฟังจะมีคุณภาพที่สูงกว่า ดูเหมือนกับว่าไดรเวอร์เดียวกัน แต่จับคู่คัดเกรดแยกกันไปใช้ในแต่ละรุ่น ข้อนี้สันนิษฐานเอาเอง ...ที่เขียนบอกเล่ามาทั้งหมดเกิดจากการเปรียบเทียบเฉพาะหูฟังที่ผมมีใช้อยู่เท่านั้น

อ่อ..สองพี่น้องนี้ก่อนเปิดฟังควรลดโวลุ่มที่เครื่องเล่นลงให้สุดก่อนเสมอ ไม่งั้นหูแตกหรือไดรเวอร์หลุดเบ้าเอาได้ เนื่องด้วยประสิทธิภาพความไวมันสูงมากกว่าหูฟังทุกตัวที่เคยฟัง ขับง่ายยังกับลำโพงบ้านที่มีความไว 95 dB. เสียงมันก็มีเสน่ห์ที่ขาดและแทนกันไม่ได้ควรมีไว้ทั้งสองตัวครับผม

ใครมีใช้อยู่ก็ลองใส่สลับข้างกันดู ว่าเสียงมันจะแปลงร่างสลับรุ่นกันได้หรือไม่ แล้วมาเล่าให้กันฟังด้วยครับ ..สำหรับ 888 ลองถอดนวมฟองน้ำใส่สลับข้างฟัง ผมว่าได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ จากที่ไม่ใส่นวมแล้วฟังไม่ได้ ก็กลายเป็นฟังได้ดี เสียงดังขึ้นกินวัตต์น้อยลง มิติเวทีก็ต่างออกไปคล้าย 484 ..หากใส่ปกติจะเหมือนกับเราเป็นผู้นั่งชมห่างออกมา พอใส่สลับข้างก็จะเหมือนเป็นนักดนตีอยู่บนเวที หากจะให้ผลที่ตรงกัน ก็ให้หันช่องเปิดให้ตรงองศาตำแหน่งด้วย เนื่องจากเมื่อใส่ปกติ ก้านหูฟังจะเอียง 45 องศา หากทดลองใส่สลับข้างตัวก้านหูฟังก็ต้องเอียงไปอีกด้าน (ก้านชี้ไป่ด้านหลัง 45 องศา) เช่นกัน.. ลองดูครับ